วิธีเขียนเรซูเม่ (Resume) พร้อมตัวอย่าง ทำตามได้เลย
เรซูเม่ (Resume) คืออะไร?
เรซูเม่ (Resume) คือ เอกสารสรุปประวัติการศึกษาและการทำงานของบุคคล สำหรับใช้สมัครงาน ซึ่งมักประกอบด้วยข้อมูลสำคัญที่แสดงถึงความสามารถในการทำงาน เช่น ชื่อ-นามสกุล ประวัติการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน รางวัลที่ได้รับ ความสามารถพิเศษ ฯลฯ มีความยาวประมาณ 1-2 หน้ากระดาษ A4
วิธีเขียนเรซูเม่ (Resume) พร้อมตัวอย่าง
1. ชื่อ-นามสกุล รูปถ่าย
ชื่อ-นามสกุลของคุณจะต้องใหญ่และโดดเด่นกว่าส่วนอื่นๆ และระวังอย่าให้มีคำผิดเด็ดขาด ตำแหน่งของชื่อควรอยู่ด้านบนสุด จะอยู่ทางซ้าย กลาง หรือขวาก็ได้ แต่ต้องเว้นขอบกระดาษให้แน่ใจว่าถ้าเย็บมุมกระดาษแล้ว ชื่อของเราจะยังชัดเจน
ส่วนชื่อเล่นนั้น ไม่ควรใส่มาในเรซูเม่ เพราะทำให้ดูไม่เป็นมืออาชีพได้
สำหรับรูปถ่าย ไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องแบบ แต่ต้องแต่งกายและมีท่าทางสุภาพ อย่างไรก็ตาม ในบางประเทศไม่นิยมใส่รูปถ่ายในเรซูเม่ เพราะอาจทำให้เกิดการแบ่งแยกหรืออคติได้
2. ตำแหน่งงานที่สมัคร เงินเดือนที่ต้องการ
ตำแหน่งงานที่สมัครก็ควรโดดเด่นเห็นง่ายเช่นเดียวกับชื่อ-นามสกุล ควรเขียนไว้ใกล้กันจะดีที่สุด
ส่วนเงินเดือนที่ต้องการ ถือเป็นความลับ ไม่ควรเขียนในเรซูเม่ เพราะบางกรณีอาจมีคนอื่นนอกจากหัวหน้าและ HR เห็นเรซูเม่ของคุณได้ เช่น หัวหน้าขอความเห็นคนอื่นๆ ในทีม คนอื่นที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับคุณร่วมสัมภาษณ์ด้วย ฯลฯ
ยิ่งไปกว่านั้น ในบางบริษัท แม้แต่หัวหน้าก็ไม่มีสิทธิ์รู้เงินเดือนของคุณ มีเพียง HR เท่านั้นที่มีสิทธิ์
อย่างไรก็ตาม ถ้าบริษัทขอให้คุณระบุเงินเดือนที่ต้องการมาเลย ก็อาจจำเป็นต้องเขียนไว้ในอีเมลสมัครงาน หรือเรซูเม่อยู่ดี
3. ที่อยู่ อีเมล เบอร์โทรศัพท์
ทั้ง 3 อย่างนี้เป็นข้อมูลสำคัญที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ สำหรับให้ผู้ว่างจ้างติดต่อกลับ
สิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ เบอร์โทรศัพท์ต้องติดต่อได้ พร้อมรับสายเสมอ และชื่ออีเมลควรเป็นทางการ โดยทั่วไปมักใช้ชื่อและอักษรย่อของนามสกุล เช่น prapassorn.p@email.com
4. ประสบการณ์การทำงาน / กิจกรรมที่เคยทำสมัยเรียน
เด็กจบใหม่ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานจริง สามารถใส่กิจกรรมที่เคยทำ การเข้าร่วมอบรม หรือการแข่งขันที่เคยเข้าร่วมแทนได้ แต่ถ้าเลือกใส่เฉพาะกิจกรรมที่ใช้ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัครได้จะดีที่สุด
ส่วนคนที่เคยทำงานมาแล้ว ก็ควรเริ่มด้วยตำแหน่งงานล่าสุดหรือที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งใหม่ก่อน ส่วนระยะเวลาการทำงานก็ไม่จำเป็นต้องละเอียดขนาดใส่วันที่ แค่เดือนและปี ก็พอแล้ว
สำหรับใครที่เคยทำงานช่วงสั้นๆ ไม่เกิน 6 เดือน แล้วลาออก แต่ไม่มีเหตุผลดีๆ ที่ฟังขึ้น ก็ไม่ควรใส่ไปให้ผู้สัมภาษณ์งานจี้จุด
5. ประวัติการศึกษา
ควรใส่ข้อมูลระดับการศึกษาสูงสุด สำหรับเด็กจบใหม่ควรใส่สาขาวิชาที่เรียนและเกรดเฉลี่ยตั้งแต่ระดับมัธยมต้นหรือปลายถึงอุดมศึกษา แต่สำหรับคนที่เคยทำงานมาแล้ว ใส่แค่ระดับสูงสุดเพียงอันเดียวก็พอ เพราะผู้ว่าจ้างมักจะดูที่ประสบการณ์การทำงานเป็นหลัก
6. ทักษะที่เกี่ยวข้องกับงาน
ทักษะด้านคอมพิวเตอร์จำเป็นมากสำหรับงานออฟฟิศ ควรใส่เป็นชื่อโปรแกรมที่เชี่ยวชาญ และระดับความสามารถ
ส่วนทักษะงานอื่นๆ ที่สามารถใส่ได้อีกก็ เช่น การใช้งานเครื่องมือ การนำเสนอและติดต่อประสานงาน การขับขี่รถยนต์ ฯลฯ
หากมีประวัติการเข้าร่วมอบรม หรือประกาศนียบัตร ก็ควรใส่ไว้ด้วย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานหรือนำมาประยุกต์ใช้ได้
7. ทักษะทางภาษา
ควรใส่ระดับทักษะทางภาษาที่เป็นสากล เช่น คะแนนสอบจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับ หากไม่มีก็สามารถใส่เป็นระดับความสามารถ เช่น ดีมาก (Excellent) ดี (Good) พอใช้ (Fair)
ถ้าเป็นงานที่ต้องเน้นทักษะไหนเป็นพิเศษ ก็ควรบอกระดับความสามารถแยกเป็นทักษะฟัง พูด อ่าน เขียน
8. ข้อมูลเพิ่มเติม
ยังมีข้อมูลอื่นๆ ที่สามารถใส่เพิ่มได้ เช่น วัน เดือน ปีเกิด, เป้าหมายหรือคติในการทำงาน, บุคคลอ้างอิง (Reference)
ตัวอย่างเรซูเม่
วิธีเขียนเรซูเม่ที่ดี ไม่ใช่แค่การใส่ข้อมูลให้เยอะๆ แต่เรซูเม่นั้นเป็นประตูด่านแรกที่ผู้ว่าจ้างหรือ HR จะได้ทำความรู้จักและรับรู้ความสามารถของเรา
ดังนั้นเวลาเขียนเรซูเม่จึงต้องระลึกไว้เสมอว่า จะเขียนข้อมูลอะไร หรือจะนำเสนอยังไงให้แสดงความสามารถของเราได้ดีที่สุดนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก
meecometop.com
resumegenius.com
myfuture.com